การพนันกับสังคมไทย
- gambitremy2022
- 11 ก.พ. 2564
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 22 ก.พ. 2564
ประวัติการพนันในประเทศไทย

สังคมไทยมีความผูกพันและเกี่ยวข้องกับการพนันมาอย่างยาวนาน โดยชาวไทยสยามนั้นมีปรากฏว่ารู้จักเกมการพนันเป็นอย่างดีมากกว่า 100 เกม โดยมีรูปแบบการพนันที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป เช่น การเดิมพันในไก่ชน การเดิมพันในวัวชน และมีเกมหรือรูปแบบบางอย่างที่ได้รับความนิยมจนกลายเป็นประเพณีวัฒนธรรมไปเลยก็มี เช่น การแข่งขันความเร็วเรือ ประเพณีวิ่งควาย
ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 หรือประมาณปี 2375 ซึ่งเป็นช่วงขาดแคลน ชาวสยามประสบกับปัญหาข้าวยากหมากแพง คนไม่ยอมนำเงินมาใช้จ่าย เอาเงินไปฝังไว้ในดิน จึงได้มีการแก้ปัญหาด้วยการตั้งหวยขึ้น และรัชกาลที่ 3 ก็โปรดเกล้าฯ ให้พระศรีไชยบาล (จีนหง) ตั้งโรงหวยขั้นมา

ผู้เล่นกลุ่มแรกส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีน เรียกว่า “ฮวยหวย” แปลว่า ชุมนุมดอกไม้ เพราะเริ่มแรกเขียนตัวหวยเป็นรูปดอกไม้ ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นชื่อคนจีน โดยทำเป็นแผ่นป้ายเล็ก ๆ จำนวน 34 ป้าย แล้วเขียนชื่อของผู้มีชื่อเสียงในสมัยโบราณเอาไว้บนป้าย โดยให้แทงว่าจะออกเป็นชื่อใคร ถ้าทายถูกเจ้ามือจะจ่าย 30 ต่อหนึ่ง ต่อมาเมื่อการพนันแพร่หลายในสังคมคนไทยมากขึ้นก็ได้มีการออกหวยที่เป็นอักษรไทย ซึ่งใช้ตัวอักษร 36 ตัว จึงมีชื่อเรียกว่า “หวย ก ข” โดยโรงหวยเป็นของรัฐที่มีเอกชน เป็นผู้ที่ได้รับสัมปทานดำเนินการ ทั้งนี้นายอากรหวย ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “ขุนบาล” หรือ “ขุนบาน” โดยรายได้จากอากรหวยมีเป็นจำนวนมาก และได้กลายเป็นรายได้ที่สำคัญอย่างหนึ่งของรัฐ
ต่อมาหวยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและรวดเร็ว จนเกินความสามารถในการจัดการของรัฐ จนเกิดขุนบานเถื่อนอยู่ทั่วประเทศ ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 จะมีการให้ยกเลิกการเล่นพนัน แต่เนื่องจากอากรหวยเป็นรายได้ที่สำคัญ จึงได้ทรงยกเลิกอากรบ่อนเบี้ยก่อน และค่อยมีการยกเลิกอากรหวยในสมัยรัชกาลที่ 6
แต่ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ได้มีการออกล็อตเตอรีขึ้น เพื่อหารายได้บำรุงการกุศล และได้มีการออกล็อตเตอรีในวาระพิเศษอีกหลายครั้ง จนกระทั่งรัฐบาลภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ใน พ.ศ. 2475 ได้ให้มีการออกล็อตเตอรี่เป็นประจำ และในปี พ.ศ. 2482 ได้มีการจัดตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้มีการออกล็อตเตอรี่เป็นประจำ การเล่นหวยจึงได้เปลี่ยนมาใช้เลขท้าย ของล็อตเตอรี่ เป็นการออกหวยแทนหวย ก ข แบบเดิม

การพนันในสังคมไทยร่วมสมัย
ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีการเพิ่มระดับการพนันในสยามทั่วทั้งประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ผู้คนเริ่มเล่นการพนันบ่อยขึ้น และมีการแนะนำเกมที่หลากหลายจากผู้ค้าชาวต่างชาติและผู้อพยพ รวมถึงการพนันเริ่มเข้าสู่กระแสหลัก
ช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมารัฐบาลไทยอนุญาตให้มีบ่อนพนันที่ถูกกฎหมาย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐบาลไทยได้ส่งเสริมการพนันอย่างถูกกฎหมายเพื่อเป็นแหล่งรายได้ จากนั้นบ่อนถูกกฎหมายเหล่านี้ก็ถูกปิดลงเพื่อลดกิจกรรมทางอาญาและการล้มละลายที่เกี่ยวข้องกับการพนัน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวดังที่กล่าวมาในข้างต้น การพนันเป็นสิ่งต้องห้ามในภาคใต้และสถานที่เล่นการพนันที่เหลือทั้งหมดปิดให้บริการในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2460
สังคมไทยมองว่าคนเล่นการพนันไม่ใช่คนเลว ถ้าเล่นเพื่อความสนุกสนาน สร้างความสัมพันธ์ในชุมชน หรือเล่นเพื่อเสี่ยงโชค แต่กลุ่มที่เป็นปัญหาคือ "นักพนันบางคน" ที่เป็นคนไม่ดี เป็นคนที่หมกมุ่นหรือใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อการเล่นพนัน แสวงหาที่จะเล่นพนันตลอดเวลา ทุกรูปแบบ
เมื่อการเล่นพนันไม่ใช่ปัญหา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนไทยเกือบ 77% เคยเล่นการพนัน โดยผู้ที่มีอายุต่ำสุดในการเล่นพนันครั้งแรกมีอายุเพียง 7 ปี และสถานที่เล่นการพนันครั้งแรกๆมักอยู่ในบ้าน ละแวกบ้าน หรือในโรงเรียน
คนเล่นพนันบางคนค่อย ๆ พัฒนาการเล่นจากวงเล็กไปสู่วงที่ใหญ่ขึ้นๆ และมีโอกาสกลายเป็น "นักพนัน" ในที่สุด อาจารย์ผาสุก พงษ์ไพจิตร และคณะ ได้ทำการสำรวจและให้ข้อมูลในหนังสือ อุตสาหกรรมการพนัน พบว่า ปี 2539-2541 ธุรกิจการพนันผิดกฎหมายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ 1) หวยใต้ดิน 2) บ่อนเถื่อน และ 3) พนันฟุตบอล การพนันเหล่านี้ทำเงินให้กับผู้ให้บริการการพนันสูงถึง 138,000-277,000 ล้านบาทต่อปี
ต่อมา สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการ สำรวจสถานการณ์การพนัน ซ้ำอีกรอบ พบว่า ปี 2553 หวยใต้ดินยังครองแชมป์อันดับหนึ่งของการพนันไทยควบคู่กับสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยมีการพนันในบ่อนและการพนันฟุตบอลติดอันดับตามมา และประมาณการจำนวนเงินที่สะพัดในอุตสาหกรรมการพนันตลอดทั้งปีสูงถึง 357,275 ล้านบาท
ข้อโต้แย้งในเรื่องการพนัน
ฝ่ายสนับสนุน ให้มุมมองว่า การพนันในสังคมไทยมีอยู่ทั่วไป และในทางปฏิบัติก็ไม่มีทางควบคุมได้ทั้งหมด ถ้าทำการพนันให้เป็นธุรกิจถูกกฎหมาย จะทำให้รัฐบาลเก็บภาษีจากการพนัน และลดทอนบทบาทของกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ได้
ฝ่ายค้าน เห็นว่าการทำให้การพนันเป็นธุรกิจถูกกฎหมาย คือการสร้างความชอบธรรมและส่งเสริมการเล่นพนัน ทำให้คนเล่นพนันได้ง่ายขึ้น และผลกระทบทางลบของการพนันจะบานปลาย เช่น การเป็นหนี้ ละงาน ขาดความรับผิดชอบ ภาวะครอบครัวแตกแยก และอาชญากรรม
และที่สำคัญที่สุดคือ สังคมไทยขาดประสบการณ์ ทำให้ขาดความเชื่อถือในการกำกับดูแลและคิดว่าระบบการทำงานของตำรวจและนักการเมืองยังไม่พร้อม ตอกย้ำความเชื่อว่า การทำการพนันให้ถูกกฎหมายเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับสังคมไทย ไม่เป็นประโยชน์กับสังคมโดยรวม แต่จะให้ผลประโยชน์ส่วนตัวกับนักธุรกิจและนักการเมืองบางกลุ่มบางคนเท่านั้น
ภาวะการยันกันอยู่ ทำให้นโยบายเรื่องอุตสาหกรรมการพนันไม่อาจหาข้อสรุปได้ จุดเริ่มต้นสำคัญของการแสวงหาคำตอบ คือการทำให้สาธารณชนมีการอภิปรายประเด็นการพนันอย่างกว้างขวาง ทำให้ผู้คนในชุมชนคุยเรื่องการพนัน สร้างข้อถกเถียงกันตั้งแต่ระดับชุมชน เพื่อทำให้สังคมรู้เท่าทัน มีภูมิคุ้มกันและสามารถจัดการตัวเองในทุกระดับ

เป็นไงบ้างครับกับความเป็นมาและความผุกพันของการพนันกับสังคมไทยที่มีมาอย่างยาวนาน หากเพื่อน ๆ คนไหนสนใจอยากจะเล่นไพ่หรือเกมอื่น ๆ หรือหากอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษา หรือพูดคุยแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม สามารถแอดไลน์มาคุยกันได้ที่ @gb747 หรือคลิก https://lin.ee/H0tUlRT
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : Mr. GAMBIT
ติดตามผลงานการเล่นเกม Youtube Channel : Mr. GAMBIT
ติดตามผลงานเพิ่มเติม Facebook Fanpage : Mr. GAMBIT
สนใจสมัครสมาชิก > คลิก
พูดคุยกับ Mr. GAMBIT : @gb747 หรือคลิก Line
ความคิดเห็น